ในปัจจุบันมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันจนติดปากอยู่ มากมาย แต่ก็มีอยู่หลายคำเช่นกัน ที่คนไทยนึกว่าเป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ แบบที่เราใช้ติดปากเหมือนกัน ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้อย่างที่ เราพูดกันแบบที่เราได้ยินกันบ่อยๆ
1. อินเทรนด์ (in trend)
คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ สามารถได้ยินทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี
ซึ่งบางทีเวลาต้องการพูดว่า "มันทันสมัย" อาจจะติดปากว่า "It is in trend." คำว่า "ทันสมัย"
ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า "in trend" อย่างคนไทย เค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ "fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่สามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย
ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า "in trend" อย่างคนไทย เค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ "fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่สามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย
เช่น
a trendy haircut
ทรงผมที่ทันสมัย
a fashionable clothes
เสื้อผ้าที่ทันสมัย
หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้
a trendy haircut
ทรงผมที่ทันสมัย
a fashionable clothes
เสื้อผ้าที่ทันสมัย
หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้
2. เว่อร์
เช่น ยัยคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายเลยในภาษาอังกฤษ
ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดก็เป็นงงแน่ๆ พร้อมทำสีหน้างงมันหมายถึงอะไร? ซึ่งดูแล้ว คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง
ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ว่า "exaggerate" เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท เช่น
"He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์
"No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You're exaggerating.
หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don't exaggerate.
ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า "overact"
เช่น
You're overacting.
เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)
3. ดูหนัง soundtrack
เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหากล่ะ
ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่ พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น
ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเป็นภาษาอังกฤษ
เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหากล่ะ
ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่ พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น
ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเป็นภาษาอังกฤษ